วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2553

จงสู้ๆ อย่าท้อ


จงสู้ ๆ อย่าท้อ ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต ขอให้เพื่อนมีความสขุกับการอ่านนะครับ ถ้ามีอีกผมจะเอามาแบ่งปันอีกนะครับ ค่อยติดตามก็แล้วกัน กับ ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต

ไม่มีใครในโลกนี้ที่เกิดมาแล้ว
ไม่เคยประสบพบเจอแต่ความล้มเหลว
แต่ถ้าหาก เรายังจมปลัก อยู่ กับความล้มเหลวโดยไม่คิดที่จะลุกขึ้นมาสู้ใหม่
ชีวิตนี้ของเราก็จะพ่ายแพ้และล้มเหลวตลอดไป

เมื่อใดก็ตามที่เราประสบความล้มเหลว
เราก็จะได้รับบทเรียนให้กับชีวิต
การค้นหาข้อผิดพลาด และข้อบกพร่อง
จะทำให้เราได้ประสบการณ์ และ สามารถลุกขึ้นสู้
จนท้ายที่สุดก็จะพบ กับชัยชนะ จากการต่อสู้นั้นๆ

หาก เราคิดในทางสร้างสรรค์
ความ ล้มเหลวยังทำให้เรามีสติปัญญาคิดไตร่ตรองมากยิ่งขึ้น
มีกำลังใจที่เข็มแข็ง มีความเชื่อมั่น เข้าใจในความทุกข์
และมีความอุตสาหะมากยิ่งขึ้นด้วย
ถ้าเราคิดได้ดังนี้เราจะมีแรงฮึด
ลุกขึ้นมาสู้ได้อีกอย่างแน่นอน

การรู้จัก ที่จะมีความอดทน ต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรค
เป็น สิ่งสำคัณอย่างยิ่งกับความเจริญก้าวหน้า
คนที่ไม่รู้จักอดทนต่อสู้ มักจะมีชีวิตที่แห้งเฉา
อยู่อย่างซังกะตายไปวันๆ
ชีวิต ไม่มีความหมายกับคนพวกนี้เลย
ผู้ ที่ไม่อดทนต่อสู้กับอุปสรรค
จะ ไม่มีทางประสบความสำเร็จในชีวิตนี้ได้
เพราะเขาจะไม่มีพลังใดๆ มา ต่อสู้กับปัญหาได้เลย
เขา จึงต้องพบกับความผิดหวัง และ ความล้มเหลวอยู่เป็นประจำนั่นเอง

นอก จากนี้การต่อสู้ ที่งดงาม
ก็ มิใช่การต่อสู่ที่เหยียบย่ำผู้อื่น
จน ทำให้ตัวเองกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จแต่เพียงผู้เดียว

เมื่อ ใดก็ตามที่เราลงมือต่อสู้
เรา ก็จะพบว่า...
เราก็มีความสามารถและ มีพรสวรรค์
ที่กำลังก่อตัวอยู่ใน ตัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ
ชึ่ง นี้นี่เองคือผลพลอยได้ อย่าง หนี่ง
ของการได้ลงมือต่อสู้ นั่นเอง

ให้โดยไม่หวังผล

ทำประโยชน์ให้ผู้อื่น และไม่ต้องร้องขอหรือคาดหวังการตอบแทนใดๆ

นี่เป็นกลวิธีที่จะช่วยให้ท่านฝึกปฏิบัติผสมผสาน
การให้บริการเข้าไปในชีวิตของท่านได้

วิธีนี้จะแสดงให้เห็นว่าการทำสิ่งดีงามแก่ผู้อื่น
โดยไม่คาดหวังผลตอบแทนเป็นเรื่องง่าย
และทำให้เกิดความรู้สึกที่ดีเพียงใด

บ่อยครั้งทั้งรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวที่เราต้องการอะไรบางอย่างจาก ผู้อื่น
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราได้ทำอะไรบางอย่างให้ผู้อื่น เช่น

"
ฉันล้างห้องน้ำเสร็จแล้ว ตอนนี้เธอทำความสะอาดห้องครัวบ้าง"
หรือ "ผมช่วยดูแลลูกๆ เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว อาทิตย์นี้คุณควรดูแลลูกๆ บ้าง"

ดูคล้ายกับว่าเราจะสะสมคะแนนการทำความดีของเราเอง
มากกว่าจะระลึกว่าการให้เป็นรางวัลในตัวของมันเอง

เมื่อทำอะไรบางอย่างที่ดีงามให้กับใครบางคนด้วยความเต็มใจอย่าง แท้จริง
ท่านจะสังเกตเห็น ว่า (หากจิตใจของท่านสงบพอ)
ความรู้สึกดีงามอันเกิดจากความสงบและสันติจะเกิดขึ้น

เช่นเดียวกับการออกกำลังกายจะทำให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนเอน เดอร์ฟินส์ในสมอง
ซึ่งจะทำให้ร่างกาย เรารู้สึกดีขึ้น

การ กระทำที่ประกอบด้วยความรักและความเมตตา
จะ ช่วยปลดปล่อยความตรึงเครียดทางอารมณ์

เช่นเดียวกัน รางวัลของท่านก็คือความรู้สึกที่ได้รับรู้ว่า
ท่านมีส่วนร่วมในการแสดงความรักความเมตตา

ท่านไม่จำเป็นต้องได้รับอะไรบางอย่างตอบแทนหรือแม้แต่คำว่าขอบคุณ
ที่จริงแล้วท่านไม่จำเป็นแม้แต่ให้บุคคลผู้นั้นทราบว่าท่านได้ทำ อะไรให้เขาบ้าง

สิ่งที่รบกวนความรู้สึกสงบสุขในจิตใจคือความคาดหวังที่จะได้รับผล ตอบแทน
ความคิดของเราเอง ที่นึกถึงแต่สิ่งที่เราต้องการ
หรือควรได้รับจะรบกวนแทรกแซงความรู้สึกสงบสุขในใจ

วิธีแก้ไขก็คือการสังเกตความคิดของตัวเองว่า
"ฉันต้องการอะไรบางอย่างเป็นการตอบแทน" ได้เกิดขึ้นแล้ว
และพยายามขจัดความคิดดังกล่าวอย่างนุ่มนวล
เมื่อไม่มีความคิดดังกล่าวความรู้สึกทางบวกจะหวนคืนมา

ทดลองดูว่าท่านสามารถคิดถึงอะไรบางอย่างอันดีงาม
ที่ท่านสามารถทำให้กับผู้อื่นโดยไม่ต้องคาดหวังสิ่งตอบแทนแต่ อย่างใดไดหรือไม่

ไม่ว่าจะเป็นการทำให้สามีหรือภรรยาประหลาดใจด้วยการทำความสะอาด โรงรถ
จัดโต๊ะให้เก้าอี้ เรียบร้อย ตัดหญ้าให้กับเพื่อนบ้าน
หรือกลับบ้านเร็วขึ้นเพื่อช่วยดูแลลูกๆ แทนภรรยา

เมื่อทำสิ่งเหล่านั้นแล้วลองดูว่าตัวเองเกิดความรู้สึกอบอุ่นหรือ ไม่อย่างไร
ที่รู้ว่าได้ทำอะไร บางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
โดยไม่ได้คาดหวังอะไรตอบแทนจากผู้ที่ท่านช่วยเหลือ

ถ้า ท่านฝึกฝนดู ผมคิดว่าท่านจะได้พบว่าความรู้สึกอันดีงาม
ที่ เกิดขึ้นนั้นนับเป็นรางวัลอันทรงคุณค่าโดยตัวของมันเองอยู่แล้ว


วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2553

วันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2553

ความสำเร็จ ต้องการ การคิดบวก


อย่าย้อมแพ้ แม้หัวใจจะแหลกยับ อย่าคืีนกลับย้อนรอยนับถอยหลัง

แม้เจ็บปวด รวดร้าวกี่ร้อยครั้ง อย่างหมดสิ้นความหวังพลังใจ

ล้มแล้วลุก อย่าท้อ ต้องต่อสู้ ให้มันรู้ว่าจะแพ้ สักแค่ไหน

ถ้าจะตายก็ให้ มันตายไป เราจะไม่ท้อแท้ ยอมแพ้มัน

ผู้ชนะมีอุปสรรคไว้ให้ข้าม ผู้แพ้ยอมคุกเข่าอยู่ตรงหน้า

ผู้ชนะมักมีการแบ่งเวลา ผู้แพ้ว่าเวลานั้นไม่มี

ผู้ชนะกล่าวคำเราทำได้ ผู้แพ้ใช่สิเราไม่เก่งเหมือนเช่นเขา

ผู้ชนะบอกนี่คือโอกาสของเรา ผู้แพ้เฝ้าคอยดูคนอื่นทำ

ผู้ชนะ ทุกปัญหามีคำตอบ ผู้แพ้ชอบทุกคำตอบมีปัญหา

ผู้ชนะ ชนะได้ทั้งโลกา ผู้แพ้พาอับจนทั้งชีวี


ขึ้นอยู่ที่เราครับจะเป็นผู้แพ้หรือผู้ชนะ





วันเสาร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2553

ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต

ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต

ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต ในโลกยุคแห่งการแข่งขันที่สูงขึ้นทำให้วิถีชีวิตของคนเราเปลี่ยนไป หรือเรียกอีกอย่างก็ได้ว่ายุดไร้พรมแดน คนทั้งโลกสามารถรู้จักกันได้หมด ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์เพียงเครื่องเดียวนี้แหละ ทำให้คนเราต้องหาทุกวิถีทางที่จะได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา บางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง แต่เราจะมีแนวคิดแบบไหนละที่เป็น ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิตของเรา ท่ามกลางการแข่งขันที่วุ่นวายปานนี้ อย่างว่าคนเราเกิดมาก็ต้องต่อสู้ ชีวิตที่ไร้ค่าคือชีวิตที่ไม่เคยทำอะไรเลยเป็นชีวิตที่ว่างเปล่า ถ้ามีลมหายใจอยู่ แต่ขาดความภาคภูมิใจในตัวเอง ชีวิตจะมีความหมายอะไรใช่ไหมครับเพื่อน ๆ และที่สำคัญถ้าเราอยากประสบความสำเร็จแล้วละก็ อย่าฝากเป้าหมายไว้กับคนอื่น อย่าให้คนอื่นเป็นคนกำหนดความล้มเหลวและความสำเร็จของเรา


ข้อคิดดี ๆในการใช้ชีวิตอีกอย่าง คือ เมื่อมีลมหายใจอย่ากลัวเจ็บ เพราะคนที่ไม่เจ็บ คือคนที่ไม่มีหายใจ

จงจำไว้เสมอว่า...ความผิดพลาดล้มเหลวที่เราเจอนั้นมันเป็นแค่เพียงความล้มเหลวชั่วครั้งชั่วคราว เมื่อวานนี้เศร้า วันนี้อาจจะหัวเราะก็ได้ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเดินทาง มิใช่ทั้งหมดของการเดินทาง มันเป็นแค่ส่วนหนึ่ง ที่จำเป็น สำหรับการมีชีวิต แต่ยังไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

เมื่อไรที่ไม่ก้าวต่อเมื่อนั้นคือ แพ้ เมื่อเข้าใจและปรับมุมมองในการมองปัญหา ความล้มเหลวความผิดพลาดได้อย่างนี้แล้ว เราจะมีชีวิต มีลมหายใจอยู่ในโลกได้อย่างสุขใจมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นสุข ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่ในใจของเราเอง เมื่อใจบอกว่าทุุุุกข์ตัวเราเองก็ไม่สามารถหาความสุขได้ เมื่อหัวใจบอกว่ามันไม่ใช่ปัญหาอะไร ๆ ก็ไม่เป็นปัญหา นี้แหละ


อย่ามองความแตกต่างเป็นข้อด้อย หรือเป็นเหตุผลของความผิดพลาด เพราะคนเราผิดพลาดได้เท่า ๆ กัน ประสบความสำเร็จได้เท่า ๆ กัน มองที่เป้าหมายและเชื่อมั่นในตัวเอง พยายามให้มากที่สุด และเมื่อใส่ความพยายามเข้าเต็มที่แล้ว ผลที่ออกมาไม่ว่าจะอย่างไร นั่นคือที่สุดแล้ว

กล้าฝัน กล้าคิด กล้าลงมือทำ
กล้าแพ้ กล้าล้ม กล้าถอยหลัง
ชีวิตขาลงไม่ใช่เรื่องน่ากลัว
แต่กลับท้าทายต้องสู้ และกล้า
จึงจะผ่านพ้นทุกอย่างไปได้



จะไปให้ถึงเป้าหมายบางทีก็ต้องลองเสี่ยงดูบ้าง

ถ้ารู้อยู่แล้วว่าเดินไปทางซ้ายจะเจ๊งกับเจ๊ง อย่างนี้ไม่เรียกว่าเสี่ยง แต่ถ้าเส้นทางเดินที่จะเลือกเดิน ไม่ว่าจะเป็นทางซ้ายหรือว่าทางขวา แม้มีความน่าจะเป็นที่จะประสบความสำเร็จพอ ๆ กับความน่าจะเป็นที่จะิผิดพลาดได้ มันก็น่าลอง คำว่าเสี่ยงจึงไม่ใช่การเดินทางเข้าไปหาปัญหา แต่เป็นการเลือกตัดสินใจกับทางเลือกที่ดีที่สุด และพร้อมจะยอมรับทางที่ได้เลือกไว้


โลกหมุนและเปลี่ยนแปลงทุกวัน
จงมั่นใจว่าเปลี่ยงแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่าเสมอ
บางครั้งที่่ท้ัอและหมดหวัง
กำลังใจจากใครก็ไม่สู้
กำลังใจจากตัวเอง
เพราะต้นเหตุแห่งความทุกข์คือใจ
เมื่อไรที่เราสู้
ความทุกข์ก็จะเล็กลง หรือไม่มีเลย


ในบทต่อไปให้เพื่อน ๆ อ่านไม่ต้องรีบนะครับเพราะผมใช้ตัวหนังสือที่แตกต่างกันทำไมนั้นหรอ ก็เพราะเราจะได้ใช้สติกับความพยายามจึงจะเกิดปัญญาครับ








ข้อคิดทางธรรม

ช้อนยาวหนึ่งเมตรนรก สวรรค์
มีชาว เดนมาร์คคนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน มีนาง ฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก เขาก็ตกลงไปด้วย นางฟ้า พาไปที่ที่หนึ่ง แล้วบอกว่าถึงนรกแล้ว ที่นั้นเป็นห้อง ใหญ่ ๆ มีโต๊ะยาวๆ บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตอร่อยมีคุณค่าทุกประเภท มีคนนั่งอยู่หลายคนนางฟ้าก็บอกว่า นี่สัตว์นรก

คน เหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก แต่ตัว เขาผอมเหลืองน่าสงสาร นางฟ้าบอกว่าที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดีๆ ได้ แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรตักอาการกินเท่านั้น เวลาจะ ใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง คนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที อาหาร ที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด เขาเลยมีความวุ่นวาย เดือดร้อนมาก พยายาม ตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก จึงผอมโซเพราะอดอาหาร ทั้ง ที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ไม่ สามารถเอาเข้ามาถึงในปากของตนเองได้

นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่ง แล้ว บอกว่าถึงสวรรค์แล้ว ห้องที่สองนี้มี ลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ มีโต๊ะอาหารยาว ๆ อาหาร ประณีตหลาย ๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้า บอกว่า นี่เทวดาบนสวรรค์

แต่ แปลกที่คนบนสวรรค์ นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย ดูว่าเขากินอาหาร อย่างไร ทั้งๆที่เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกับที่นรก เอทำไมมันไม่เหมือน ที่นรก ? ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง แข็งแรงพอดูดี ๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์ คือคนข้างหนึ่งของโต๊ะ เขาตักอาหารด้วยช้อนยาว ๆ เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้ ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย

สรุปว่า ที่นรกนั้น คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ โดยไม่คิดถึงคนอื่น แต่ที่สวรรค์นั้น มีการช่วยเหลือกัน มีความรักสามัคคีกัน คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน


..........ตื่น ขึ้นมาแต่ละวัน อย่าถามว่าจะได้อะไรจากสังคม แต่จง ถามให้มากว่า จะให้อะไรกับสังคม ..........


บทสรุป..คุณค่าของชีวิต..

ชีวิต คือ..การเป็นอยู่..
การมีชีวิตอยู่ อย่างมีคุณค่า..
เป็นสิ่งที่มนุษย์ ทุกคนในโลกใบนี้..
ต้องศึกษาและเรียน รู้อย่างเข้าใจและเท่าทัน..

คุณ ค่า..
คือ..สิ่งที่กำหนด ราคาของสิ่งเหล่านั้น..
ว่า..มี ประโยชน์มากน้อยเพียงใด..

ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน..
การมีชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่า..มีราคา..
คือ..การใช้ชีวิตทุก ๆ วินาทีอย่างมีสติ..
ไม่ว่าจะเป็นการพูด..การคิด..หรือการกระทำก็ตาม..
หากเราเป็นอยู่อย่างมีสติทุกลมหายใจ..
ไม่ประมาททุก ๆ ขณะ ทุก ๆ วินาที..
นั่นคือ..การใช้ทุก ๆ วินาทีของชีวิตได้อย่างมีคุณค่า..

บทสรุป..คุณค่าของชีวิต..
อยู่ที่ว่า..เขาผู้นั้นเกิดมาแล้ว..
ได้เพียรพยายามละ เลิก..ความชั่ว..
อันได้แก่..สิ่งที่ไม่ดี..ที่เกิดขึ้นในจิตใจ..
หมั่นทำความดี..และรักษาคุณงามความดี..
ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้บ้างหรือไม่..

ขอเพียงเราอย่าประมาทในชีวิต..
กับวันเวลาที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน..
เพราะทุก ๆ วินาทีของชีวิต..
อาจเป็นลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเราก็ได้..

หากเราได้เรียนรู้คุณค่าของชีวิตอย่างแท้จริง..
และเข้าใจว่า..ที่สุดของชีวิตเรา..
คือ..การเรียนรู้จิตใจภายในของตนเอง..
นั่นแหละ..เราจึงจะได้ชื่อว่า..
เป็นผู้ใช้วันเวลาของชีวิตได้อย่างมีความสุขที่สุด..

ตราบใดที่เรายังไม่เข้าใจตนเอง..
เราจะไม่เข้าใจเลยว่า..
สุข-ทุกข์เป็นเช่นไร ??
จุดเริ่มต้นของความสุขและความทุกข์..
เกิดจากความคิดของเราเป็นสำคัญ..
แต่จุดสุดท้ายของความคิด..
คือ..การเรียนรู้อย่างเข้าใจและเท่าทัน..
ในความรู้สึกของตน ๆ ที่เกิดขึ้นขณะนั้น ๆ..

แล้ววันนี้..
ทุก ๆ วินาทีของชีวิตเรา..
เรามีสติอยู่กับใจของตนเองมากน้อยเพียงใด ??


อ่านทีไร
เป็นต้องยิ้มทุกที

ถึงคุณ คนนั้น....(He is you)

ขอโทษที่ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ

ขอโทษที่กระโดกกระเดก

ขอโทษที่ใจร้อนเสมอ และต้องคอยให้เตือนเสมอ ( น่าเบื่อมาก..>_< ) ขอโทษที่ชอบร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน

ขอโทษที่ไม่น่ารักและน่าทะนุถนอม

ขอโทษที่ไม่รู้จักโตสักที

ขอโทษที่ขี้ใจน้อย

ขอโทษที่ขี้งอน

ขอโทษที่ชอบพูดตรง

ขอโทษที่เคยทำร้ายจิตใจกัน

ขอโทษที่จุ้นจ้านเรื่องส่วนตัว

ขอโทษที่ขี้บ่นเหลือเกิน

ขอโทษที่รักซะมากมาย

ตอบกลับ.. จากคนที่รักคุณ...

ขอบคุณครับที่ไม่อ่อนหวาน ผู้ชายอย่างผมจะได้แอบหวานกะเขาบ้าง

ขอบคุณครับที่กระโดกกระเดก ผมจะได้มองออกว่าคุณเขิน

ขอบคุณครับที่ใจร้อน ผมยินดีที่จะทำให้มันเย็น ( ผมไม่เคยเบื่อเลย..^_^ )

ขอบคุณครับที่ร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน ผมจะได้มีโอกาสเช็ดน้ำตาของคุณบ้าง

ขอบคุณครับที่ไม่น่ารักและน่าทะนุถนอม ขืนน่ารักกว่านี้ผมคงแย่งชิงกันคนอื่น อีกนานโข

ขอบคุณครับที่ขี้ใจน้อย มันแสดงว่าผมก็มีความสำคัญพอให้โกรธบ้าง

ขอบคุณครับที่ขี้งอน ผมจะได้ง้อไง แต่อย่านานนักล่ะ ผมทรมานใจนะครับ

ขอบคุณครับที่พูดตรง ( T_T ) ฮือๆ ผมรู้แล้วว่าผมทำกับข้าวไม่อร่อย

ขอบคุณครับที่ทำร้ายจิตใจกัน มันทำให้ผมได้รู้ถึงความเหนียวแน่นใน ความสัมพันธ์ของเราสองคนว่ามันไม่ขาดกันง่ายๆ หรอก ( ผมไม่ยอม )

ขอบคุณครับที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม นั่นแน่..เป็นห่วงผมล่ะสิ

ขอบคุณครับที่.เอ๊ย..ไม่เอาดีกว่าข้อนี้ขี้บ่น ไม่ดีๆ เหมือนยายแก่ แต่ถ้าจะเป็นจริงๆ ขอผมเป็นตาแก่นะ..

สุดท้าย ขอบคุณครับที่เข้ามาในชีวิตผม..

ขอบคุณที่ทำให้ผมพูดเลียนแบบหนังเรื่อง As good as it get

คุณทำให้ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้

ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ความหมายของคำว่า You complete Me.

โดยไม่ต้องเปิด Dictionary

ขอบคุณที่อยู่เพื่อให้ผมรัก



เรื่องเล่าดีดี อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย‏

มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง

สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชาย
วัยห้าขวบของเขากำลังจะได้
เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง
ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น

โดยส่วนตัวของเขาเอง
ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริง ในโลก
ควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน
ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไป
ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอน เรื่อง
ความยากจน
เพราะเขามีความเชื่อว่า
ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน
เขาจึงพอลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบ ครัวหนึ่ง
และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน

เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา
มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่า
ลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนา ผู้ ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดา ว่า
เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบ กับชาวนา
และพักแรมที่นั่น
ซึ่งทำ ให้เขาได้พบว่า....
ชาวนามีที่ทำ งานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะที่พ่อมี เพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง
แต่ก็ยังน้อย กว่าห้องทำงานของชาวนา

อาหารที่ชาวนา รับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลา
รอบๆบริเวณบ้าน โดย ไม่ต้องซื้อหา
ในขณะที่บ้าน ของเรามีตู้เย็นเท่านั้น ที่เป็นที่เก็บอาหาร
เวลารับประทาน อาหารก็มีเพื่อน
คุยอย่างพร้อม หน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก
ในขณะที่ตัวเอง ก็ต้องนั่งทานอาหาร
กับโต๊ะอาหาร ที่ยาวเกือบสิบเมตร
และ มีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน

ลูกชาวนา ที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา
ต้องกอดเอวพ่อ ให้แน่น
เพื่อจะได้ไม่ ตกจากจักรยาน

แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต
อยู่ข้างหลัง เพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่

ชาวนามีแสงดาว แสงจันทร์เป็นโคมไฟ
ส่องสว่างตลอด เวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน
แต่เขา ก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
.........
ชาวนามีรั้ว บ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
แต่เขาเองกลับ มีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
ลูกชาวนาได้มี เพื่อนเล่นเป็น จิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน
แต่เขาเองกลับ ไม่มีใครเลย

เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบ ว่า.....
จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก


GDI สุดยอดธุรกิจ เพื่ออนาคต





gdisuccess42.blogspot.com/


ศิริพงศ์ หล้าคำ

Tel : 085-437-4349
msn support: siripong.la@hotmail.com



การดูแลตัวเองให้ดูดี

ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้

มารู้จักน้ำเต้าหู้กันดีกว่า

สำหรับคนที่ไม่ดื่ม นมเพราะเหตุใดก็ตาม จะ ได้รับคำแนะนำให้ดื่มนมถั่วเหลือง คงไม่มีใครไม่รู้จักน้ำเต้าหู้ แต่พอเรียกนมถั่วเหลืองดูเป็นเครื่องดื่มมีค่ามากขึ้น ปาท่องโก๋ น้ำเต้าหู้ เป็นอาหารประจำชาติ ได้อย่างหนึ่ง พอ ๆ กับกล้วยแขก มันทอดเป็นขนมริมทาง เมื่ออาหารฟาสต์ฟู้ดและขนมจากโรงงานเข้ามา น้ำเต้าหู้และกล้วยแขกกลายเป็นอาหารชาวบ้าน อีกหน่อยร้านค้ารายย่อยแพ้อาหารตามห้าง น้ำเต้าหู้และกล้วยแขกจะมีค่าขึ้นมาเพราะหายาก

น้ำเต้าหู้ใส่กล่อง ขายตามห้างมีชื่อใหม่ว่านมถั่วเหลือง เมื่อใส่กล่องแล้วต้องมีชื่อเป็นฝรั่งได้รับการโฆษณาเพิ่มราคา ขึ้นไปอีก จะดื่มน้ำเต้าหู้ หรือนมถั่วเหลือง หรือนมถั่วเหลืองเสริมนมวัว ผู้ดื่มคงได้รับประโยชน์เท่ากัน ถ้าใช้สัดส่วนการทำเหมือนกัน แต่ผู้บริโภคไม่อาจรู้ได้ว่าเขาใส่น้ำมากหรือน้อย นมวัวนั้นมีมาตรฐานแน่นอน มี กฏหมายห้ามเติมน้ำหรือสิ่งอื่นใด คนดื่มนมวัวแน่ใจได้ว่าได้รับโปรตีน 8 กรัม แคลเซียม 300 มิลลิกรัม

ดื่มน้ำเต้าหู้จะได้ รับประโยชน์มากกว่าเครื่องดื่มอื่น ๆ ถ้าจะเทียบกับนมจะมีข้อดีกว่าและบางอย่างจะสู้นมไม่ได้ นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ให้โปรตีนเกือบเท่านม มีไขมันที่ดีกว่า คือ ให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่านม ช่วยลดโคเลสเตอรอล สำหรับข้อเสีย คือน้ำเต้าหู้ให้แคลเซียมน้อยมาก คนไม่ดื่มนมจะต้องกินอาหารอื่นที่ให้แคลเซียม คือผักสีเขียวและปลาตัวเล็ก

เครื่อง ดื่มที่มีความข้นไม่ว่าจะเป็นนม นมถั่วเหลือง หรือน้ำผลไม้ปั่น เป็นอาหารที่อาจมีการเติมน้ำได้โดยที่ผู้บริโภคไม่รู้ ถ้าจะขายอาหารให้ได้กำไรต้องใส่ของแพงแต่น้อย เติมน้ำหรือของอื่นราคาถูกลงไป เมื่อ ซื้อน้ำหวานเป็นถ้วย คนขายจะใส่น้ำแข็งจนเต็มก่อนแล้วจึงเติมน้ำหวาน ได้เครื่องดื่มถ้วยโต แต่ดูดได้นิดเดียว นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ทำจากถั่วเหลืองโม่หรือปั่นละเอียด พร้อมกับเติมน้ำ ถ้า เติมน้ำน้อยนมจะข้นมีสารอาหารมาก ถ้า เติมน้ำมากนมจะใสมีสารอาหารน้อย

นม ถั่วเหลืองที่บรรจุกล่องสำหรับขายในประเทศไทย และส่งออกไปขายต่างประเทศจะมีฉลากบอกข้อมูลทางโภชนาการที่หลาย ประเทศบังคับ ทำให้ผู้บริโภคใน ประเทศไทยได้รับความรู้ไปด้วย จำเป็นสำหรับสุขภาพในปัจจุบัน คือปริมาณไขมันและไขมันอิ่มตัว โคเลสเตอรอล โปรตีน คาร์โบไฮเดรต เส้นใย น้ำตาลและโซเดียม

สำหรับสุขภาพที่ดี เราควรได้รับไขมันน้อย และ ในบรรดาไขมันทั้งหมดจะต้องมีไขมันอิ่มตัวน้อย โปรตีนและเส้นใยเป็นสิ่งที่ควรได้รับมาก คาร์โบไฮเดรตอาจจะมีมากหรือน้อย แต่ น้ำตาลควรจะน้อย เมื่อเทียบกับคาร์โบไฮเดรตทั้งหมด และควรได้รับโซเดียมน้อย การกำหนดว่าควรได้รับสารใดมากสารใดน้อย เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อัตราการเจ็บป่วยและตายจากโรคหัวใจและมะเร็งเกิดขึ้นมาก ทำให้ต้องควบคุมอาหารดังกล่าว

นมถั่วเหลืองเป็น อาหารที่เข้ายุคสมัย เพราะ ไขมันในนมถั่วเหลืองเป็นไขมันที่ช่วยลดโคเลสเตอรอล ทำให้ลดโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจ เมื่อคนกินอาหารนอกบ้านกันมาก ได้รับไขมันอิ่มตัวมาก ทำ ให้เป็นโรคหัวใจกันมากขึ้น ทุกคนต้องทำงานนอกบ้านไม่มีเวลาทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็เหนื่อยและหิวกินให้อิ่มก่อนเข้าบ้านง่ายกว่า ความสะดวกของการซื้อกินมีมาก คนทำร้านอาหารก็มาก ไม่ว่าจะมีการก่อสร้างเกิดขึ้นที่ไหน มีสำนักงาน โรงเรียน ที่อยู่อาศัย ที่อยู่กันหนาแน่น จะมีร้านอาหาร คนจำนวนมากไม่ทำครัว ซื้อกินทุกมื้อ อาหารนอกบ้านมีไขมันมาก

อาหารตามสั่งจะเป็น อาหารผัด อาหารทอด ล้วนมีน้ำมันมาก คน ขายต้องใช้น้ำมันปาล์มเพราะราคาถูกกว่าน้ำมันพืชอื่น ๆ น้ำมันปาล์มมีไขมันอิ่มตัวมาก ถ้าทำงานที่ไม่ต้องออกกำลัง เคลื่อนไหวร่างกายน้อย ร่าง กายจะสร้างไขมันสะสมไว้ เกิดไขมันแทรกในตับในหัวใจ และโคเลสเตอรอลในเลือดสูง ถ้า รู้ตัวว่าไม่ค่อยได้ออกกำลัง และกินอาหารสำเร็จรูปประจำ ควรไปตรวจร่างกายและตรวจเลือดปีละครั้ง ถ้าพบภาวะไขมันในเลือดสูง จะต้องปฏิบัติตนตามคำสั่งแพทย์

โปรตีน จากถั่วเหลืองเป็นโปรตีนที่สมบูรณ์ คนโบราณกินถั่วงอกหัวโต เต้าหู้ เต้าเจี้ยว และนมถั่วเหลือง ถึงจะไม่ได้กินเนื้อสัตว์ก็แข็งแรงดี นมถั่วเหลืองจะดีกว่านมวัวตรงที่มีเส้นใยอาหารด้วย เส้นใยอาหารช่วยการขับถ่าย และ ป้องกันโรคมะเร็งทางเดินอาหาร อาหารสำเร็จรูปไม่ค่อยมีเส้นใยอาหาร คนที่กินข้าวที่ขัดสีจนขาว ขนมปังขาว ไม่ค่อยได้กินผักผลไม้ จะขาดเส้นใยอาหาร ทำ ให้ท้องผูก คนที่ท้องผูกบ่อยจะเป็นโรคริดสีดวงทวารได้ กากอาหารที่สะสมอยู่ในร่างกายมีส่วนที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง นักโภชนาการแนะนำให้กินเส้นใยวันละ 25 กรัม

ข้อเสียของนมถั่ว เหลืองหรือน้ำเต้าหู้ ส่วน มากเป็นน้ำตาลที่เติมจนหวานจัด ถ้า ผู้ขายใส่น้ำตาลมากแสดงว่าผู้บริโภคต้องการเช่นนั้น คนไทยเป็นโรคเบาหวานเมื่ออายุมาก เป็นผลจากการกินหวานมากเกินไป เป็นระยะเวลานาน น้ำตาล ที่เกินความต้องการจะเปลี่ยนเป็นไขมันในร่างกาย คนกินหวานกันมากเกินไป ทำให้ต้องระบุปริมาณน้ำตาลที่ฉลาก คนป่วยในความดูแลของแพทย์จะต้องควบคุมน้ำตาล อาหารสำเร็จรูปบอกข้อมูลทางโภชนาการเพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเลือก ซื้อได้

ถ้า มีเครื่องบดอาหาร ทำนมถั่วเหลืองกินเอง จะลดน้ำตาลและทำให้ข้นได้ตามความต้องการ เพียงแช่ถั่วเหลืองค้างคืนไว้ ใช้ ถั่วแช่น้ำแล้ว 500 กรัม ปั่นในเครื่องปั่นพร้อมกับค่อย ๆ เติมน้ำจนครบ 2 ถ้วย ผสม กับน้ำอีก 10 ถ้วย กรอง แล้วต้มไฟอ่อนไม่ถึงกับเดือด ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล ถ้าไม่อยากอ้วนไม่ต้องใส่น้ำตาลหรือใส่น้อย ๆ จะได้นมถั่วเหลืองสดสะอาด

ประโยชน์ ของน้ำเต้าหู้

1. ป้องกันโรคมะเร็ง โรคกระดูกพรุน อาการวัยทองและโรคหลอดเลือดหัวใจ

2. ให้โปรตีนเกือบเท่านม มีไขมันที่ดีกว่า คือให้กรดไขมันไม่อิ่มตัวมากกว่านม ช่วย ลดโคเลสเตอรอล

ข้อ เสีย คือ ให้แคลเซี่ยมน้อยมาก (ก็กินน้ำเต้าหู้ที่ใส่งาดำ แทนนะ ) ^^+

ชาเขียวมีประโยชน์ต้องชงดื่ม ไม่ใช่ดื่มจากขวด

กระแสการบริโภคชาเขียวกำลัง เป็นที่นิยม ทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากชาเขียวกลายเป็นสินค้าที่มียอด ขายสูง

ปัจจุบันกระแสการบริโภคชาเขียวกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ทำให้มีการนำชาเขียวมาดัดแปลงเป็นสินค้าที่มีอยู่ตามท้องตลาดมาก มายหลายชนิด ซึ่งส่งผลทำให้ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากชาเขียวกลายเป็นสินค้าที่มียอดขายสูง



การนำชา เขียวมาใช้ มีด้วยกันทั้งหมด 15 วิธี

อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า แท้ที่จริงแล้ว การดื่มชาเขียวให้ถูกต้องและก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดนั้น จะต้องดื่มให้ถูกวิธีจึงจะได้รับสารสำคัญต่างๆ ที่มีอยู่อย่างครบถ้วน ที่สำคัญคือ มีข้อมูลจากทางการแพทย์แผนจีนยืนยันด้วยว่า การดื่มจากขวดนั้นเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง


มานพ เลิศสุทธิรักษ์ นายกสมาคมแพทย์แผนจีนในประเทศไทย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า การนำชาเขียวมาใช้ควบคู่กับพืชชนิดอื่น ๆ จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาโรคได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ สำหรับวิธีการใช้มีด้วยกันทั้งหมด 15 วิธี คือ



1.
การใช้ชาเขียวร่วมกับใบหม่อน ที่ช่วยป้องกันโรคหวัด ลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

2.
การใช้ชาเขียวกับส่วนหัวของต้นหอม จะช่วยขับเหงื่อ แก้ไข้หวัด

3.
การใช้ชาเขียวร่วมกับขิงสด ช่วยรักษาอาการอาหารเป็นพิษและจุกลม

4.
การใช้ชาเขียวร่วมกับตะไคร้แห้งจะช่วยขับไขมันในเส้นเลือด

5.
การใช้ชาเขียวร่วมกับคึ่นฉ่ายจะช่วยในการลดความดันโลหิต

6.
การใช้ชาเขียวร่วมกับไส้หมาก ลดน้ำตาลในเส้นเลือด

7.
การใช้ชาเขียวร่วมกับดอกเก๊กฮวยสีเหลือง จะช่วยแก้วิงเวียนศีรษะ ตาลาย

8.
การใช้ชาเขียวร่วมกับลูกเดือย จะลดอาการบวมน้ำ ตกขาว และมดลูกอักเสบ

9.
การใช้ชาเขียวร่วมกับเม็ดเก๋ากี้ จะช่วยลดความอ้วน แก้ตาฟาง

10.
การใช้ชาเขียวร่วมกับโสมอเมริกา ทำให้สดชื่น บำรุงหัวใจ แก้คอแห้ง

11.
การใช้ชาเขียวร่วมกับเนื้อลำไยแห้ง จะบำรุงสมอง เสริมความจำ

12.
การใช้ชาเขียวร่วมกับบ๊วยเค็ม จะช่วยบรรเทาอาการคอแห้ง แสบคอ เสียงแหบ 13. การใช้ชาเขียวร่วมกับหนวดข้าวโพด จะลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเส้นเลือด ลดอาการบวมน้ำ

14.
การใช้ชาเขียวร่วมกับน้ำตาลกลูโคส จะช่วยบรรเทาอาการตับอักเสบ

และ 15.การใช้ชาเขียวร่วม กับเม็ดบัว จะช่วยบรรเทาอาการ ฝันเปียก และยับยั้งการหลั่ง เร็ว




นอกจากนี้ นายกสมาคมแพทย์แผนจีนในประเทศไทยยังบอกถึงคุณสมบัติหลักของชา เขียวด้วยว่า นอกจากสรรพคุณในเรื่องของการขับพิษ ขับปัสสาวะ ขับไขมันในเส้นเลือด ทำให้เย็น ชุ่มคอแล้ว รสขมอมหวาน หอม ในชาเขียวยังให้ประโยชน์ในการรักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายโรค ทั้งยังช่วยผ่อนคลายอารมณ์ สงบประสาท ระบายความร้อนตื้อ จากศีรษะและเบ้าตา ช่วยให้สดชื่น ไม่ง่วงนอน ช่วยให้หายใจสดชื่น เจริญอาหาร แก้เมาเหล้า ทำให้สร่างเมา ขับปัสสาวะ ป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีและในไต และสามารถขับเหงื่อ แก้หวัด


ขณะเดียวกันชาเขียวยังช่วยแก้กระหาย ระบายร้อนจากระบบปอด ขับเสมหะ ขับไขมัน ลดความอ้วน แก้ร้อนใน ขับพิษตกค้าง บิด ท้องร่วง ท้องเสีย ช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและที่ได้ผลดีคือสามารถเป็นยาอายุวัฒนะ

อย่างไรก็ตาม นอกจากความมหัศจรรย์ของชาเขียวที่สามารถรักษาโรคภายในได้แล้วยัง สามารถช่วยรักษาโรคภายนอกได้ด้วย เช่น พอกแผลอักเสบ พุพอง ฝีหนอง ไฟไหม้ ผื่นคัน ผิวร้อนแห้ง ช่วยให้ตาสว่าง เย็น ไม่อักเสบ สามารถดับกลิ่น เป็นยากันยุง และนำไปทำหมอนใบชาเพื่อลดอาการปวดหัวเวลานอนได้อีก




ชาเขียวสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายโรคแต่จะต้องกินให้ ถูกวิธีและใช้ให้เหมาะสมกับร่างกาย

ทั้งนี้ ชาที่ดีจะต้องมีรสขมอมหวานและมีกลิ่นหอม โดยในชาเขียวมีสารต่างๆ ที่อยู่ในใบชา 300-400 ชนิด แต่มีสารสำคัญอยู่ 6 ชนิด คือ 1.กาเฟอีนซึ่งช่วยทำ ให้ร่างกายสดชื่น มีผลต่อการเต้นของหัวใจ ผ่อนคล้ายกล้ามเนื้อ และสามารถขับปัสสาวะได้ดี 2.ทิโอฟิลีนช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น ส่งผลต่อการเต้นของหัวใจ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยในการขับปัสสาวะ 3.ทิโอโบรมีนช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น มีผลต่อการเต้นของหัวใจ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อและช่วยในการขับปัสสาวะ 4.แทนนิน 5.มีวิตามินต่าง ๆ เช่น B1,B2,B3,B5, A,D,E,K, C และ 6.มีแร่ธาตุ,ไขมันและน้ำตาล

นายกสมาคมแพทย์แผนจีนในประเทศไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติม แม้ชาเขียวจะมีประโยชน์กับร่างกายมากมาย แต่ในความจริงก็มีสารที่มีโทษกับร่างกายด้วยเช่นกันโดยสามารถส่ง ผลข้างเคียงต่อร่างกาย แต่ไม่ถึงกับเป็นอันตรายมากนัก ส่วนมากจะเกิดกับคนที่มีสภาพร่างกายไม่แข็งแรง โดยเมื่อดื่มแล้วอาจมีอาการใจสั่น นอนไม่หลับ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ทั้งยังอาจทำให้เกิดอาการท้องผูก ฟันดำ และหากดื่มอย่างต่อเนื่องอาจเป็นการเสพติดได้

สำหรับชาเขียวในที่นี้ ไม่ใช้เครื่องดื่มชาเขียวที่มีจำหน่ายเป็นขวดในท้องตลาด แต่เป็นชาเขียวที่ต้องเป็นชาที่ชงเองแต่อย่าชงทิ้งไว้ควรดื่มตอน ร้อน ๆ และไม่ควรใส่น้ำตาล ทรายขาวลงไปในการชงชาเพราะจะทำให้คุณสมบัติทางยาของชาเขียวหมดไปมานพสรุป อย่างตรงไปตรงมา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าชาเขียวสามารถรักษาโรคต่าง ๆ ได้หลายโรคแต่จะต้องกินให้ถูกวิธีและใช้ให้เหมาะสมกับร่างกาย จึงจะทำให้การดื่มชาเขียวเกิดประโยชน์อย่างสูงสุด เพราะในการวิจัยผู้ดื่มชาเขียวเป็นประจำยังไม่พบว่ากลุ่มคนเหล่า นี้ ได้รับโทษจากการ ดื่มชาเขียว แต่กลับกันกลุ่มคนเหล่านี้กับมีร่างกายที่แข็งแรง และยังมีภูมิคุ้มกันในการต้านโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แล้ววันนี้คุณดื่มชาเขียวแล้วหรือยัง



สิ่งที่ห้ามทำ
5 ข้อ เมื่อคุณจะเข้านอน

1) ห้ามใส่นาฬิกาข้อมือ เมื่อเข้านอน เพราะนาฬิกาข้อมือจะปล่อยรังสีอะตอม ขนาดเล็กออกมาขณะที่ร่างกายพักผ่อน ซึ่งมันจะมีผลกระทบกับสุขภาพคุณแน่นอน


2)
ห้ามใส่เสื้อชั้นในสตรี เมื่อเข้านอน นักวิทยาศาสตร์อเมริกาได้ค้นพบว่าถ้าใส่ บราเกิน 12 ช.ม. ต่อวัน คุณๆ ผู้หญิงมีโอกาสเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งเต้านม เข้านอนโดยปราศจากบรากันเถอะค่ะ


3)
ห้ามวางโทรศัพท์มือถือไว้ใกล้ตัว เมื่อเข้านอน หรือข้างเตียงโดยเฉพาะบางคนใช้มันเป็น นาฬิก าปลุก ควรวางไว้ห่างๆ ตัวเอง นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่าวงจรอิเล็คโทรนิคในโทรศัพท์มือถือ ชุดเครื่องเสียงและโทรทัศน์จะปล่อย คลื่นแม่เหล็กขณะใช้งานซึ่งส่ง ผลกระทบระบบประสาท ดังนั้นถ้าคุณจำเป็นต้องวางไว้ใกล้ตัว ขณะนอน.....ปิดเครื่องพวกมันซะนะคะ


4)
ห้ามเข้านอน โดยไม่ได้ล้าง make up บนหน้า ถ้าเข้านอนโดยไม่ได้ลบ Make up บนใบหน้าจะทำให้เกิดปัญหากับผิวในระยะ ยาวเพราะผิวหนังจะขับของเสียขณะนอนหลับได้ลำบาก

5)
ห้ามเข้านอนกับ สามีหรือภรรยา ของคนอื่นเพราะอาจจะไม่ตื่นอีกเลย