วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง

วันแรกที่เข้าเรียนในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อย่างหนึ่ง เมื่อรุ่นพี่บางคนบอกว่า " การอดนอนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเรียนในคณะนี้"

วันสุดท้ายในคณะนี้ ผมพบว่าตั้งแต่เรียนมาห้า ปี ไม่เคย ต้องอดนอนเลย ยกเว้นเมื่อต้องทำงานกลุ่ม ทั้งนี้มิใช่เพราะผมทำงาน เร็วกว่าคนอื่น ... แต่เพราะผมไม่เชื่อในทัศนคตินั้น จึงพยายามพิสูจน์ว่ามันไม่จริง และพบว่า การวางแผนที่ดีแก้ปัญหาได้ทั้ง หมดแม้แต่การสร้างสรรค์งานศิลปะ..ที่น่าขันก็คือ น้อยคนที่อดนอนได้คะแนนดี

ผมเป็นมนุษย์เงินเดือนมานานร่วมสามสิบปี..ห้าปีในนั้นผมทำ งานในต่างประเทศ

..
เมื่อกลับมาเมืองไทย ผมพบเรื่องอัศจรรย์อีก เรื่องหนึ่ง นั่นคือหลายคนมองการก้าวเท้าออกจากสำนักงานตรงเวลา " เป็นเรื่องประหลาดที่สุดในโลก "

ผมรู้ความจริงภายหลังว่า ...

คน จำนวนมากไม่ยอมออกจากสำนักงานตรงเวลา เพื่อแสดงให้เจ้านายเห็น ว่า ตนเองขยันขันแข็ง ยิ่งอยู่ดึก ยิ่งเป็นพนักงานตัวอย่าง เสียสละเพื่อองค์กร น่ายกย่องชมเชย
บ่อยครั้งมีผลถึงการได้รับโบนัสตอน ท้ายปี..เนื่องจากเจ้านายมักเห็นหน้าเห็นตาใครคนนั้น หลังเวลาเลิกงานแล้วเสมอ

หากไม่เคยทำงานในต่างประเทศมาก่อน ผมอาจเข้าร่วมวงไพบูลย์ " มาสายกลับดึก" ด้วย

แต่หลายปีในชีวิตการทำงานในประเทศที่มีประสิทธิภาพในการ จัดการที่สุด..ทำให้เห็นค่าเวลาทุกนาทีในชีวิต ผมกลับมองว่าคนที่อยู่ดึก เป็นประจำคือพวกไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถทำงานให้เสร็จทันเวลา .จึงต้องอยู่ดึก

ยิ่งทำงานมากชั่วโมงยิ่ง แสดงถึงการทำงานโดยไม่มีการวางแผน ไม่มองภาพรวม

ลองคิดดู ....

การอยู่ดึกเพื่อทำงานพิเศษหนึ่งคืนหมายถึงค่าไฟฟ้าที่ เพิ่มขึ้น
เครื่องปรับอากาศทำงานมากขึ้น ค่าทะนุบำรุงสูงขึ้น
ผลกระทบต่อคนทำงานคือพัก ผ่อนน้อยกว่าที่ควรเป็น
ยิ่งอยู่ดึก ประสิทธิภาพของงานใน วันถัดไปยิ่งตกต่ำลง

. มือกระบี่ชั้นหนึ่งในแผ่นดินมองท่วงที ของศัตรูอย่างระวัง ตวัดกระบี่ในมือเพียงฉับเดียว ก็เข่นฆ่าฝ่ายตรงข้าม มือกระบี่ชั้นรองต้องประ กระบี่ดังโคร้งเคร้งนานนับชั่วโมง ราวกับอยากบอกโลกว่า .. ข้าก็ใช้กระบี่นะโว้ย

โลกรับรู้ แต่คมกระบี่ก็บิ่น ต้อง เสียเวลาลับกระบี่อีกหลายวัน

.
งานดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องตรงเวลาด้วย
งานดีไม่มีทางเกิดขึ้นตามยถากรรม .หรืออารมณ์ขึ้นลง
ไปจนถึงความหนาแน่นรัดกุมของกฎเกณฑ์ "ตอก บัตร"
ปริมาณ เวลาในการทำงานชิ้นหนึ่งไม่ได้เป็นสัดส่วนกับคุณภาพของผลงานเสมอไป
บ่อยครั้งเป็นปฏิภาคกัน .หลายครั้งงานที่ให้เวลาน้อย กลับออกมาดีกว่างานที่ให้เวลามาก
" คนเก่งจริงไม่เรื่องมาก คนฉลาดจริงไม่มากเรื่อง

ทำ งานเสร็จแล้วก็เลิก! ไม่ต้องรอเทวดาบนสวรรค์วิมานมาร ับรู้ "

เพราะถึงเวลานั้นเทวดาก็กลับบ้านไปแล้ว..!!

โดย วินทร์ เลียววาริณ.

ความสำเร็จ

แม้ว่าลาจะร้องเสียงจิ้งหรีดได้
มันก็เป็นความล้มเหลว มากกว่าความสำเร็จ


ทางแห่งความสำเร็จของชีวิต
ไม่อาจเลียนแบบกันได้

ผู้มีทัศนะคับแคบงมงายเท่านั้น
ที่จะเลียนแบบวิถีแห่งความสำเร็จของผู้อื่น


ความพยายามของตัวตน เพื่อตัวตน
ไม่อาจช่วยให้ชีวิตพบความสำเร็จที่แท้จริงได้
เพราะความพยายามเช่นนี้อยู่ที่ไหน
ความสำเร็จที่แท้จริงก็หาอยู่ด้วยไม่

จะมีก็แต่ความสำเร็จจอมปลอม
ที่กว่าจะได้มาก็ต้องทุกข์ทรมาน แสวงหา


การเข้าใจความจริงของชีวิตนั่นเอง
คือความสำเร็จของชีวิต
และการใช้ชีวิตเพื่อสรรพชีวิต
ก็คือหนทางของความสำเร็จ

แก้เครียด..‏









ขอไข่ผม คืนเถอะครับ
ชายคนหนึ่งเลี้ยงไก่ไว้ตัว หนึ่งเพื่อเก็บไข่กินทุกเช้า วันหนึ่งเขาออกไปที่สวน
หน้าบ้านเพื่อเก็บ ไข่อย่างเคย แต่พบว่าแม่ไก่ของเขาไปออกไข่ไว้ในสวนข้างบ้าน เขาจึงเดินไปที่สวนข้างบ้านเพื่อเก็บไข่ เมื่อไปถึงเขาพบเจ้าของบ้านกำลังถือไข่
อยู่
'ขอไข่ผมคืนเถอะครับ ไก่ผมมันมาไข่ทิ้งไว้ที่นี่'
'ไข่อยู่ในสวนผมก็ต้องเป็นของผม' ชายข้างบ้านตู่
พวกเขาเถียงกันอยู่สักพัก แต่ก็หาข้อยุติไม่ได้ ชายเจ้าของไก่จึงเสนอทางออก
'คนบ้านผม เวลาตัดสินกันไม่ได้ เขาจะใช้วิธีหนึ่งตัดสิน ผมจะเตะผ่าหมากคุณ แล้ว
จับเวลาดูว่าคุณจะใช้ เวลาเท่าไหร่กว่าจะลุกขึ้นมาได้ แล้วคุณก็เตะผ่าหมากผม
บ้าง แล้วจับเวลาเหมือนกัน ใครใช้เวลาน้อยกว่าก็ชนะได้ไข่ไป'
ชายข้างบ้าน ตกลง ชายเจ้าของไก่จึงกลับไปที่บ้านหารองเท้าบู๊ทคู่ที่ใหญ่และหนัก
ที่ สุด จากนั้นเดินลากเท้ามาหาชายข้างบ้าน แล้วเตะผ่าหมากเข้าไปสุดแรงเกิด
ชาย ข้างบ้านทรุดลงไปกองกับพื้น ครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาจึงลุกขึ้นมาได้
'เอา ล่ะ ตาผมเตะคุณบ้าง' ชายข้างบ้านกล่าว
ชายเจ้าของไก่ถอยฉาก
'โอเค ผมยอมแพ้ คุณเอาไข่ไปเหอะ'

(ได้เตะแลกไข่ฟองเดียวสะใจกว่า555)






ลูกหมูถาม พ่อ...
ลูกหมู 'ป่าป๊าถ้ามีตังตกอยู่ 5 บาท กับ 10 บาท ป่าป๊าจะเก็บเหรียญไหน'
พ่อหมู 'ก็เก็บ 10 บาทซิ'
ลูกหมู 'ป่าป๊าโง่จัง ทำไมถึงไม่เก็บทั้ง 2 เหรียญล่ะ'

ลูกหมู 'ป่าป๊า เมื่อ 3 เดือนก่อน มีคนมาทวงหนี้
ป่า ป๊าบอกไม่มีตังค์ เดือนก่อนป่าป๊าก็บอกไม่มีอีก เพราะอะไรครับ'
พ่อหมู 'คนเราพูดคำไหนก็ต้องเป็นคำนั้นนะลูก'

ลูกหมู 'ป่าป๊า ทำไมบ้านคนอื่นเขาใหญ่ แต่ทำไมบ้านเราถึงเล็ก'
พ่อหมู 'เพราะป่าป๊าไม่ค่อยมีตังค์'
ลูกหมู 'แล้วทำยังไง เราถึงจะมีบ้านใหญ่ๆ ล่ะครับ'
พ่อหมู 'หนูก็ต้องตั้งใจเรียนหนังสือ พอโตขึ้นก็ทำงานได้เงินเยอะๆ ซื้อบ้านหลังใหญ่ๆ'
ลูกหมู 'แล้วทำไมตอนเด็กๆ ป่าป๊าถึงไม่ตั้งใจเรียนหนังสือ'






เหตุผลของ ลูก
แม่ถามลูกว่า 'โตขึ้นลูกๆ อยากเป็นอะไรจ๊ะ'
ลูกชาย 1 : ทหารครับ จะได้ป้องกันประเทศชาติ
ลูก ชาย 2 : อยากเป็น คุณหมอครับแม่ จะได้รักษาคนไข้
แม่ : ดีดีดี
แล้ว ลูกสาวแม่ล่ะอยากเป็นอะไร
ลูกสาว : อยากเป็นคนใช้ค่ะแม่
แม่ : (เกิดอาการงงสุดขีด) ทำไมอยากเป็นคนใช้ล่ะลูก
ลูกสาว : หนูอยากให้คุณพ่อกอดหนูนานๆ บ่อยๆ ค่ะ







กลอนไม่ อยากเรียน
สอนมากกูเบื่อ
สอนเหลือ กูเกลียด
สอนละเอียดกูงง
บอกตรงๆกูขี้เกรียจ





ห้อง สุขา... อ่านแล้วอึ้ง!

ชายหนุ่มคนนึงเพิ่งกลับจาก ต่างประเทศวันนึงขณะเดินเล่นอยู่ในย่านชุมชน
เกิดปวดท้องขึ้นมาอย่าง กะทันหัน ไม่รู้จะทำอย่างไร
จึงตรงดิ่งเข้าร้านสุกี้ที่อยู่ใกล้ๆ
พอ เข้าไปในร้านปรากฏว่าลูกค้าตรึม
มองหาห้องนํ้า หายังไงก็ไม่เจอ
จึง วิ่งขึ้นไปชั้นสองปรากฏว่าชั้นสองกำลังปิดปรับปรุง
เศษไม้กองระเกะระกะ

ทัน ใดนั้นสายตาเหลือบไปเห็นห้องนํ้าพอดี
ถึงแม้จะมีป้าย'ห้องนํ้าชำรุด'แปะ ไว้ที่ประตู

ชายหนุ่มก็ไม่สน
พุ่งเข้าไปนั่งแล้วปล่อยเต็มสูบ หลังจากเสร็จธุระ
ก็เดินลงมา แต่เอ๊ะ! คนหายไปไหนหมดวะ
เมื่อกี้ยัง นั่งกินกันเต็มร้านอยู่นี่หว่า

ว่าแล้วก็ตะโกนเบาๆ 'เฮ้ มีใครอยู่รึเปล่า! หายไปไหนกันหมด?'
สักพักก็มีพนักงานคนหนึ่งคลานออกมา จากเคาน์เตอร์พร้อมกับพูดว่า

' แม่..ง เมื่อกี้มีขี้หล่นลงมาจากเพดานโดนพัดลมพอดี
คุณไม่โดนเหรอ ไปอยู่ไหนมาน่ะ โชคดีจริงๆ'







นิยามความรัก 24 ข้

1.การรักและไม่ได้รับรักตอบ เป็นทุกข์ แต่สิ่งที่ทุกข์ยิ่งกว่า
คือการรักใครสักคน แต่ไม่มี ความกล้าพอที่จะบอกให้คนคนนั้นรู้
และต้องมาเสียใจภายหลัง

2.พระ เจ้าอาจจะต้องการให้เราพบคนที่ไม่ใช่...ก่อนที่จะมาพบคนที่ใช่ เพื่อเวลาเราพบคนนั้นแล้ว เราจะได้รู้สึกซาบซึ้งถึงพรที่ท่านประทานมา

3.ความรักคือความรู้สึกที่คุณยังห่วงใยใครสักคน
แม้จะ แยกความรู้สึก ความลุ่มหลง และ ความสัมพันธ์แบบรักใคร่ออกไปแล้ว

4.สิ่ง ที่น่าเศร้าในชีวิต คือการพบคนที่มีความหมายอย่างมากสำหรับเรา แต่มาค้นพบภายหลัง ว่าเราไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อสิ่งนั้น
และจะต้องปล่อย ให้ผ่านพ้นไป

5.เมื่อประตูแห่งความสุขปิดลง ประตูแห่งความสุขบานอื่นก็จะเปิดขึ้น แต่เราก็มัวแต่มองประตูที่ปิดลงไปแล้วเนิ่นนานจนกระทั่ง
เรามองไม่เห็น ประตูที่เปิดไว้รอเรา

6.เพื่อนที่ดี ที่สุดคือคนที่คุณสามารถนั่งอยู่ริมระเบียงด้วยกัน
โดยไม่พูดอะไรกันสัก คำ แต่สามารถเดินจากไปด้วยความรู้สึก
เหมือนได้คุยกันอย่างประทับใจที่ สุด

7.เป็นความจริงที่เราไม่สามารถรู้เลยว่าเรามีอะไรอยู่จน กว่า
เราจะสูญเสียมันไป แต่ก็จริงอีก เช่นกันที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้าง
จนกระทั่งสิ่งนั้นเข้ามาหาเรา



8.การมอบความรักทั้งหมดให้ใครสักคน ไม่ได้เป็นหลักประกันว่า
เขาจะรักเราตอบ อย่าหวังที่จะได้รักตอบ แต่จงรอให้มันงอกงาม
ขึ้นในหัวใจเขา แต่ถ้ามันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ก็ให้พอใจว่าอย่างน้อย
มันก็ได้งอกงามขึ้นในใจของเรา

9.มี สิ่งที่คุณต้องการจะได้ยิน แต่คุณจะไม่ได้ยินมันจากปากของ
คนที่คุณอยาก ได้ยิน แต่อย่าทำตัวเป็นคนหูหนวกโดยไม่รับฟังสิ่งนั้น
จากคนที่เขาบอกกับ คุณจากหัวใจ

10.อย่าบอกลา ถ้าคุณยังต้องการจะพยายามต่อไป
อย่าท้อใจถ้าคุณยังรู้สึกว่าคุณไปไหว อย่าพูดว่าคุณไม่รักคนคนนั้นอีกแล้วถ้าคุณไม่สามารถทำใจได้


11.ความ รักมักมาเยือนผู้ที่ยังคงหวัง ถึงแม้ว่าจะผิดหวัง
และมาเยือนผู้ที่ยัง คงเชื่อ ถึงแม้ว่าจะถูกทรยศหักหลัง
และจะมาเยือนผู้ที่ยังคงรัก ถึงแม้จะเคยเจ็บปวดมาก่อน

12.การที่เราจะ ประทับใจใครนั้นใช้เวลาแค่เพียงนาที
การที่เราจะชอบใครใช้เวลาเพียงแค่ ชั่วโมง การที่เราจะรักใคร
ใช้เวลาเพียงชั่ววัน แต่การที่จะลืมใครนั้นต้องใช้เวลาชั่วชีวิต

13.อย่ามองใคร จากหน้าตา เพราะมันอาจหลอกเราได้
อย่ามองใครจากความร่ำรวย เพราะมันจะไม่จีรังยั่งยืน
ให้มองหาคนที่ทำให้คุณยิ้มได้ เพราะยิ้มเดียวสามารถทำให้วันที่
หม่นหมองกลับสดใส ขอให้คุณพบคนที่ทำให้คุณยิ้มได้

14.มีช่วง เวลาในชีวิตที่คุณคิดถึงใครสักคนจนกระทั่ง
อยากดึงเขามาจากความฝัน เพื่อกอดเอาไว้ขอให้คุณได้ฝันถึงคนพิเศษนั้น

15.ฝัน ถึงสิ่งที่คุณต้องการฝัน ไปในที่ที่คุณต้องการไป
เป็นในสิ่งที่คุณต้อง การเป็น เพราะคุณมีเพียงชีวิตเดียว
และมีโอกาสเดียวที่จะทำทุกสิ่งที่ คุณต้องการ

16.ขอให้คุณมีความสุขมากพอที่จะ ทำให้คุณเป็นคนอ่อนหวาน
ผ่านการทดสอบมามากพอที่จะทำให้คุณแข้มแข็ง
มี ความเศร้าโศกพอที่จะทำให้คุณยังคงความเป็นมนุษย์ และมีความ
หวังมากพอ ที่จะทำให้คุณเป็นสุข

17.เอาใจเขามาใส่ใจเรา ถ้าคุณรู้สึกว่าสิ่งนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวด
รู้ไว้เถอะว่าคนอื่นก็เจ็บ ปวด จากสิ่งเดียวกันเช่นกัน

18.คำพูดที่ไม่ ได้ยั้งคิดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง
คำพูดที่โหดร้ายอาจทำลายชีวิต คำพูดที่เหมาะกาลเทศะ
อาจลดความเครียด คำรักอาจเยียวยาและทำให้มีสุขได้

19.จุด เริ่มของความรักคือการปล่อยให้คนที่เรารักเป็นตัวของตัวเอง
อย่าดึงเขา จากภาพความเป็นเขา มิฉะนั้นจะหมายความว่าเขา
เป็นเพียงภาพสะท้อนของตัว เราที่ปรากฎในพวกเขา

20.คนที่มีความสุขที่ สุด ไม่ได้หมายความว่าเขามีสิ่งที่ดีที่สุด
เพียงแต่เขาสามารถทำสิ่งที่ เขา มีให้ดีที่สุดได้ต่างหาก


21.ความสุขรออยู่เบื้องหน้าผู้ ที่มีน้ำตา ผู้ที่เจ็บปวด ผู้ที่ค้นหา
และผู้ที่พยายามแล้ว เพราะมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่รู้จักคุณค่า
ของผู้คนที่ได้สัมผัสชีวิต พวกเขา

22.ความรักเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม งอกงามด้วยรอยจูบ และจบลงด้วยคราบน้ำตา

23.อนาคตที่สดใสมี รากฐานอยู่บนอดีตที่ถูกลืม
คุณไม่สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ดีถ้าหากไม่ รู้จักปล่อยวาง
ความผิดพลาดในอดีต และความปวดใจ

24.คุณร้องไห้ตอนคุณเกิดในขณะที่คนรอบข้างกำลังยิ้ม
จง มีชีวิตอยู่เพื่อเมื่อตอนคุณตาย คุณจะเป็นคนที่ยิ้มใน
ขณะที่คนรอบข้าง ร้องไห้ให้

มหัศจรรย์แห่งชีวิต

มหัศจรรย์แห่งชีวิต และ 7 หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี
ช่วงเทศกาลแห่งความสุขนี้ ใครที่กำลังเป็นทุกข์ ทั้งทางกายและทางใจ และกำลังมองหาหนทางในการก้าว ไปสู่การดับความทรมานใจนั้นๆ ลองปรับทัศนะของชีวิต ด้วยแนวคิดเชิงบวก ข้อคิดดีๆ จาก พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ว.วชิรเมธี

ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ได้ให้ข้อคิดในหลักธรรมแห่งการดำเนินชีวิต ในหนังสือชุดมหัศจรรย์แห่งชีวิต ประกอบด้วย ซีดี และหนังสือรวบรวมแนวคิด ซึ่งผู้ฟังและผู้อ่านสามารถนำข้อคิดที่ได้ไปปรับใช้ในชีวิตประจำ วัน เพื่อบรรเทาความ ทุกข์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ ในสถานการณ์ปัจจุบัน กับภาวะเครียดที่รุมเร้าคนไทย ทั้งวิกฤตการเมืองและวิกฤตเศรษฐกิจ

สำหรับ 7 หลักคิดในเชิงบวก ที่สามารถหยิบมาเป็นยาชูกำลังใจในยามท้อแท้ได้อย่างดี เยี่ยม โดยใน 7 หลักคิด มีข้อคิดดีๆ อีก 7 ข้อ เป็นพลังมหัศจรรย์ของ 7x7 ได้แก่

1. ความคิดดีๆ เป็นที่มาแห่งความสุข แน่นอนว่าเมื่อเรามีความคิดดีๆ โลกก็จะดีตามอย่างที่เราคิด ดังที่ท่านว่าไว้ในหนังสือเล่มนี้ว่า โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่าเราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลก หากมองโลกในแง่ดี ชีวิตมีแต่สิ่งรื่นรมย์ หากมองโลกในแง่ร้าย ชีวิตมีแต่ความวุ่นวายและทุกข์ระทม

2. ปัญญาดีย่อมมีความสุข คนมีปัญญาย่อมใช้ปัญญาในการแก้ปัญหาเพื่อให้พ้นทุกข์ ดังนั้น สำหรับคนมีปัญญา วิกฤตอยู่ไหน ปัญญาอยู่นั่น ส่วนคนด้อยปัญญา โอกาสอยู่ไหน วิกฤตอยู่นั่น จงเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา เปลี่ยนอุปสรรคเป็นอุปกรณ์

3. ชีวิตของคนดีคือชีวิตที่มีความสุข ดังท่านว่า ดอกไม้หอมได้บางดอก แต่มนุษย์หอมได้ทุกคน หากเขาเป็นคนดี กลิ่นดอกไม้แม้หอมขนาดไหน ก็หอมได้แต่ตามลมเท่านั้น ส่วนกลิ่นความดีของคนดีนั้น หอมหวนทวนลม ฟุ้งกระจายไปในทิศ ทั้งสี่ ดอกไม้ผลิบานแล้วไม่นานก็ร่วงโรย แต่ความดีของคนนั้น สถิตเป็นนิรันดร์เหนือกาลเวลา

4. ปฏิสัมพันธ์ดีก็มีความสุข ซึ่งเป็นการเลือกคบมิตร โลกนี้มีมิตรอยู่ 3 ประเภทคือ 1. ปาปมิตร เพื่อนชั่ว จงอย่าคบ 2. กัลยาณมิตร เพื่อนดี จงคบ 3. พันธมิตร เพื่อนที่ผูกพันกันด้วยผลประโยชน์ จงระวัง

5. ทำงานดีก็มีความสุข ท่านว่าไว้ คนจำนวนมากเป็นทุกข์ขณะทำงาน แต่เบิกบานเฉพาะเสาร์-อาทิตย์ โดยหารู้ไม่ว่า ในหนึ่งสัปดาห์มีเสาร์-อาทิตย์แค่สองวัน จงเป็นสุขขณะทำงาน จงเบิกบานขณะหายใจ

6. มองโลกในแง่ดี ชีวิตมีความสุข ดังผู้รู้ท่านหนึ่งกล่าวว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันถูกอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด ใครทำความเข้าใจคำกล่าวนี้ได้อย่างลึกซึ้ง คนนั้นจะไม่ทุกข์ และเขาจะไม่หวั่นไหว ในความผันแปรของชีวิต สิ่งใดเกิดขึ้นมาเขาจะอุทานอยู่เสมอว่ามันเป็นเช่นนั้นเอง
7. ครอบครัวดีทวีความสุข ครอบครัวคือพื้นฐานสำคัญของชีวิต บุตรธิดาคืออนุสาวรีย์ของพ่อแม่ หากลูกเป็นคนดี อนุสาวรีย์ของพ่อแม่ก็งดงาม หากลูกเลวทราม อนุสาวรีย์ของพ่อแม่ก็อัปลักษณ์

ใครเคยอกหัก ลองอ่านดูนะ

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย ฝ่ายชายเองก็รอ คอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าว ว่า คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับ แต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้ง งง และ เสียใจ มาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนัก เพราะตรอมใจ


เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆไปหาหมอ เท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้าน นั้น มีหลวง ตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตา หยุดอยู่ที่หน้าบ้าน แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะ ประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ จึงบอกว่า ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า
หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตา แล้วพูดว่า อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต
ในบ้านมีคน ป่วยใช่มั้ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิด หน่อย
ไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่าตัดสินใจเองไม่ได้
ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย
เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่าอยากเข้ามา ก็เข้ามา!


เมื่อหลวงตา เข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง
สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบ ผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ
เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อม จัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตา ยิ้มแล้วพูดว่าอาการหนักเลยนะ
ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวง ตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า โทรมมากเลยนะ
ชายคนนั้นไม่สนใจ หลวงตาบอกว่าไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ
ชายคนนั้นไม่สนใจ แต่ขณะที่หางตาชายไป ที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคน ที่รักอยู่ในนั้น ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหาย ไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล....
ที่ชาย ทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น
เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด
เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ แล้ว เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคน หนึ่งเดินผ่านมา เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุมร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป
พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู เมื่อพบว่า เป็นศพ
ด้วยใจสงสาร จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่อง มือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆกอบทรายขึ้นมา
เขาทำแบบ นี้ไปเรื่อยๆ จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป


จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพของศพหญิงคนนั้น
และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้ว ก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก


ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม
ชายคนที่ช่วย ฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ
ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ
จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน


เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า โยมรอด แล้ว เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว
ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชในที่สุด .....

คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย


เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้ คุณ ทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ ต้องจากกัน ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้ ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่

เพื่อบางสิ่ง..เมื่อถึงเวลา..

เพื่อบางสิ่ง..เมื่อถึงเวลา..
เวลาที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเรา..
คือ..วันเวลาที่เรามีความสุข..ความสงบ..
ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเรา..

บางครั้งเราอาจพบเจอว่า..
เมื่อถึงเวลา..ความสุข..
อาจเกิดขึ้นได้ทุก ๆ ขณะ..ถ้าเราไม่ประมาทในชีวิต..

แต่ บางครั้งเราอาจพบเจอว่า..
เมื่อ ถึงเวลา..ความทุกข์..
อาจ เกิดขึ้นได้ทุก ๆ ขณะ..ถ้าเราประมาทในชีวิต..

บางครั้งเราอาจพบเจอว่า..
เมื่อถึงเวลา..ความสงบเย็น..
อาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุก ๆ ขณะ..ที่เรามีสติ..

แต่บางครั้งอาจพบเจอว่า..
เมื่อถึงเวลา..ความเดือดร้อนใจ..
อาจเกิดขึ้นกับเราได้ทุก ๆ ขณะ..
ถ้าเราขาดสติ..มีปกติชอบโกรธผู้อื่นตลอดเวลา..

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม..
บางช่วงเวลา..ของจังหวะในชีวิตเรา..
มีอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง..
ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และเสื่อมไป..ตามกาลเวลา..

หากเราไม่มีสติรู้เท่าทัน..
เราก็มักจะตำหนิติโทษตนเอง..
รำพึงรำพัน..โพทนากล่าวโทษตนเอง..
จนทำให้เกิดความรู้สึก..
ที่ติดลบอยู่ในจิตใจ..

เมื่อถึงเวลา..
บางครั้งเราไม่จำเป็นจะต้องเอาตัวเอง..
ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้น..

แต่พอถึงเวลาจริง ๆ..
บางครั้งการมีสติ..รู้เท่าทัน..
ความเป็นไปของชีวิต..
จึงเป็นการเรียนรู้ที่มีคุณค่าที่สุดในชีวิต..

เพราะ บางครั้ง..
เมื่อมีเวลา..
เรา พยายามทำใจให้เรียนรู้อย่างเข้าใจ..
ใน ความเป็นไปของชีวิต..ทุก ๆ ขณะ ใน แต่ละวินาที..

แล้ว ความสุข-ความสงบ..
จะ บังเกิดในจิตใจของเราได้ตลอดเวลา..

ที่มาจากบอร์ดทำดีด อทเน็ต