มีชาว เดนมาร์คคนหนึ่งนอนหลับอยู่ที่บ้านในเวลากลางคืน มีนาง ฟ้าลงมาหาเขา ชวนให้ไปเที่ยวสวรรค์กับนรก เขาก็ตกลงไปด้วย นางฟ้า พาไปที่ที่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ถึงนรกแล้ว” ที่นั้นเป็นห้อง ใหญ่ ๆ มีโต๊ะยาวๆ บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตอร่อยมีคุณค่าทุกประเภท มีคนนั่งอยู่หลายคนนางฟ้าก็บอกว่า “นี่สัตว์นรก”
คน เหล่านั้นนั่งมองอาหารที่น่ากินที่สุดในโลก แต่ตัว เขาผอมเหลืองน่าสงสาร นางฟ้าบอกว่าที่นี่อนุญาตให้กินอาหารดีๆ ได้ แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามใช้มือหยิบ ต้องใช้ช้อนที่ยาวหนึ่งเมตรตักอาการกินเท่านั้น เวลาจะ ใช้ช้อนตักอาหารเข้าปากตัวเอง คนที่นรกก็ตักไม่ถึงสักที อาหาร ที่อร่อยหกลงบนพื้นเกือบหมด เขาเลยมีความวุ่นวาย เดือดร้อนมาก พยายาม ตักอาหารเท่าไรก็ไม่ถึงปาก จึงผอมโซเพราะอดอาหาร ทั้ง ที่อยู่ใกล้ชิดอาหารที่อร่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ แต่ไม่ สามารถเอาเข้ามาถึงในปากของตนเองได้
นางฟ้าพาไปอีกห้องหนึ่ง แล้ว บอกว่า “ถึงสวรรค์แล้ว” ห้องที่สองนี้มี ลักษณะเช่นเดียวกับห้องแรกทุกประการ มีโต๊ะอาหารยาว ๆ อาหาร ประณีตหลาย ๆ อย่างเหมือนกันกับห้องนรก มีเก้าอี้รอบ มีคนนั่งอยู่หลายคน นางฟ้า บอกว่า “นี่เทวดาบนสวรรค์”
แต่ แปลกที่คนบนสวรรค์ นั้นยิ้มแย้มแจ่มใสอ้วนท้วนสมบูรณ์สบาย ดูว่าเขากินอาหาร อย่างไร ทั้งๆที่เขาก็ต้องใช้ช้อนยาวหนึ่งเมตรเหมือนกับที่นรก “เอ…ทำไมมันไม่เหมือน ที่นรก ? ทำไมคนที่นี่สนุกสนานแจ่มใสร่าเริง แข็งแรง” พอดูดี ๆ อ้อ! เห็นวิธีของชาวสวรรค์ คือคนข้างหนึ่งของโต๊ะ เขาตักอาหารด้วยช้อนยาว ๆ เอาไปป้อนใส่ปากของคนตรงข้าม คนอีกข้างก็ตักอาหารมาใส่ปากของคนข้างนี้ ก็เลยได้กินกันทุกคน อยู่อย่างสุขสบาย
สรุปว่า ที่นรกนั้น คนคิดแต่จะได้อย่างเดียว คิดแต่เรื่องความสุขของตัวเอง คิดแต่ว่าเราจะได้อาหาร ได้สิ่งที่เราชอบ โดยไม่คิดถึงคนอื่น แต่ที่สวรรค์นั้น มีการช่วยเหลือกัน มีความรักสามัคคีกัน คำนึงถึงความสุขของคนอื่นด้วย จึงก็ได้รับความสุขทั่วถึงกันทุกคน
..........ตื่น ขึ้นมาแต่ละวัน อย่าถามว่าจะได้อะไรจากสังคม แต่จง ถามให้มากว่า จะให้อะไรกับสังคม ..........
บทสรุป..คุณค่าของชีวิต..
ชีวิต คือ..การเป็นอยู่..
การมีชีวิตอยู่ อย่างมีคุณค่า..
เป็นสิ่งที่มนุษย์ ทุกคนในโลกใบนี้..
ต้องศึกษาและเรียน รู้อย่างเข้าใจและเท่าทัน..
คุณ ค่า..
คือ..สิ่งที่กำหนด ราคาของสิ่งเหล่านั้น..
ว่า..มี ประโยชน์มากน้อยเพียงใด..
ชีวิตของเราก็เช่นเดียวกัน..
การมีชีวิตอยู่อย่างคุ้มค่า..มีราคา..
คือ..การใช้ชีวิตทุก ๆ วินาทีอย่างมีสติ..
ไม่ว่าจะเป็นการพูด..การคิด..หรือการกระทำก็ตาม..
หากเราเป็นอยู่อย่างมีสติทุกลมหายใจ..
ไม่ประมาททุก ๆ ขณะ ทุก ๆ วินาที..
นั่นคือ..การใช้ทุก ๆ วินาทีของชีวิตได้อย่างมีคุณค่า..
บทสรุป..คุณค่าของชีวิต..
อยู่ที่ว่า..เขาผู้นั้นเกิดมาแล้ว..
ได้เพียรพยายามละ เลิก..ความชั่ว..
อันได้แก่..สิ่งที่ไม่ดี..ที่เกิดขึ้นในจิตใจ..
หมั่นทำความดี..และรักษาคุณงามความดี..
ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้บ้างหรือไม่..
ขอเพียงเราอย่าประมาทในชีวิต..
กับวันเวลาที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบัน..
เพราะทุก ๆ วินาทีของชีวิต..
อาจเป็นลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเราก็ได้..
หากเราได้เรียนรู้คุณค่าของชีวิตอย่างแท้จริง..
และเข้าใจว่า..ที่สุดของชีวิตเรา..
คือ..การเรียนรู้จิตใจภายในของตนเอง..
นั่นแหละ..เราจึงจะได้ชื่อว่า..
เป็นผู้ใช้วันเวลาของชีวิตได้อย่างมีความสุขที่สุด..
ตราบใดที่เรายังไม่เข้าใจตนเอง..
เราจะไม่เข้าใจเลยว่า..
สุข-ทุกข์เป็นเช่นไร ??
จุดเริ่มต้นของความสุขและความทุกข์..
เกิดจากความคิดของเราเป็นสำคัญ..
แต่จุดสุดท้ายของความคิด..
คือ..การเรียนรู้อย่างเข้าใจและเท่าทัน..
ในความรู้สึกของตน ๆ ที่เกิดขึ้นขณะนั้น ๆ..
แล้ววันนี้..
ทุก ๆ วินาทีของชีวิตเรา..
เรามีสติอยู่กับใจของตนเองมากน้อยเพียงใด ??
อ่านทีไร เป็นต้องยิ้มทุกที
ถึงคุณ คนนั้น....(He is you)
ขอโทษที่ไม่ได้อ่อนหวานเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ
ขอโทษที่กระโดกกระเดก
ขอโทษที่ใจร้อนเสมอ และต้องคอยให้เตือนเสมอ ( น่าเบื่อมาก..>_< ) ขอโทษที่ชอบร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน
ขอโทษที่ไม่น่ารักและน่าทะนุถนอม
ขอโทษที่ไม่รู้จักโตสักที
ขอโทษที่ขี้ใจน้อย
ขอโทษที่ขี้งอน
ขอโทษที่ชอบพูดตรง
ขอโทษที่เคยทำร้ายจิตใจกัน
ขอโทษที่จุ้นจ้านเรื่องส่วนตัว
ขอโทษที่ขี้บ่นเหลือเกิน
ขอโทษที่รักซะมากมาย
ตอบกลับ.. จากคนที่รักคุณ...
ขอบคุณครับที่ไม่อ่อนหวาน ผู้ชายอย่างผมจะได้แอบหวานกะเขาบ้าง
ขอบคุณครับที่กระโดกกระเดก ผมจะได้มองออกว่าคุณเขิน
ขอบคุณครับที่ใจร้อน ผมยินดีที่จะทำให้มันเย็น ( ผมไม่เคยเบื่อเลย..^_^ )
ขอบคุณครับที่ร้องไห้เวลาดูหนังด้วยกัน ผมจะได้มีโอกาสเช็ดน้ำตาของคุณบ้าง
ขอบคุณครับที่ไม่น่ารักและน่าทะนุถนอม ขืนน่ารักกว่านี้ผมคงแย่งชิงกันคนอื่น อีกนานโข
ขอบคุณครับที่ขี้ใจน้อย มันแสดงว่าผมก็มีความสำคัญพอให้โกรธบ้าง
ขอบคุณครับที่ขี้งอน ผมจะได้ง้อไง แต่อย่านานนักล่ะ ผมทรมานใจนะครับ
ขอบคุณครับที่พูดตรง ( T_T ) ฮือๆ ผมรู้แล้วว่าผมทำกับข้าวไม่อร่อย
ขอบคุณครับที่ทำร้ายจิตใจกัน มันทำให้ผมได้รู้ถึงความเหนียวแน่นใน ความสัมพันธ์ของเราสองคนว่ามันไม่ขาดกันง่ายๆ หรอก ( ผมไม่ยอม )
ขอบคุณครับที่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของผม นั่นแน่..เป็นห่วงผมล่ะสิ
ขอบคุณครับที่.เอ๊ย..ไม่เอาดีกว่าข้อนี้ขี้บ่น ไม่ดีๆ เหมือนยายแก่ แต่ถ้าจะเป็นจริงๆ ขอผมเป็นตาแก่นะ..
สุดท้าย ขอบคุณครับที่เข้ามาในชีวิตผม..
ขอบคุณที่ทำให้ผมพูดเลียนแบบหนังเรื่อง As good as it get
“คุณทำให้ผมอยากเป็นผู้ชายที่ดีกว่านี้“
ขอบคุณที่ทำให้ผมรู้ความหมายของคำว่า You complete Me.
โดยไม่ต้องเปิด Dictionary
ขอบคุณที่อยู่เพื่อให้ผมรัก
เรื่องเล่าดีดี อ่านแล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย
มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่ง สุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชาย
วัยห้าขวบของเขากำลังจะได้
เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง
ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้น
โดยส่วนตัวของเขาเอง
ก็อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริง ในโลก
ควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีในโรงเรียน
ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียวไป
ท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ
แล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอน เรื่อง
”ความยากจน”
เพราะเขามีความเชื่อว่า
ลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอน
เขาจึงพอลูกชายไปเยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบ ครัวหนึ่ง
และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืน
เมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมา
มหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่า
ลูกชายได้อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนา ผู้ ยากจน
ลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดา ว่า
เขาขอขอบคุณเป็นอย่างมากที่ได้พาเขาไปพบ กับชาวนา
และพักแรมที่นั่น
ซึ่งทำ ให้เขาได้พบว่า....
ชาวนามีที่ทำ งานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะที่พ่อมี เพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง
แต่ก็ยังน้อย กว่าห้องทำงานของชาวนา
อาหารที่ชาวนา รับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลา
รอบๆบริเวณบ้าน โดย ไม่ต้องซื้อหา
ในขณะที่บ้าน ของเรามีตู้เย็นเท่านั้น ที่เป็นที่เก็บอาหาร
เวลารับประทาน อาหารก็มีเพื่อน
คุยอย่างพร้อม หน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก
ในขณะที่ตัวเอง ก็ต้องนั่งทานอาหาร
กับโต๊ะอาหาร ที่ยาวเกือบสิบเมตร
และ มีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน
ลูกชาวนา ที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขา
ต้องกอดเอวพ่อ ให้แน่น
เพื่อจะได้ไม่ ตกจากจักรยาน
แต่เขาเอง ต้องนั่งในรถที่ใหญ่โต
อยู่ข้างหลัง เพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่
ชาวนามีแสงดาว แสงจันทร์เป็นโคมไฟ
ส่องสว่างตลอด เวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน
แต่เขา ก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ต้องซื้อด้วยเงิน
......... ชาวนามีรั้ว บ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
แต่เขาเองกลับ มีเพียงแค่กำแพงบล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่
ลูกชาวนาได้มี เพื่อนเล่นเป็น จิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน
แต่เขาเองกลับ ไม่มีใครเลย
เขาขอบคุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบ ว่า.....
จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก

ศิริพงศ์ หล้าคำ
Tel : 085-437-4349
msn support: siripong.la@hotmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น